กลยุทธ์สำคัญวันกิจการถดถอย
หลายหลายคนที่เริ่มทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นซุ้มเล็กๆหน้าบ้านยันเปิดเป็นคาเฟ่ขนาดใหญ่ย่อมต้องลงทุนด้วยแรงและเงินเสมอซึ่งไม่แปลกที่เค้าจะมีเป้าหมายเป็นความเจริญเติบโตรุ่งเรืองแต่ถ้าหากผลลัพธ์มันไม่เป็นอย่างที่คาดหวังแล้วกลายเป็นว่า ธุรกิจหรือกิจการกำลังทดถอยอยู่ เราจะทำยังไง
อย่างแรกที่เราต้องรู้เลยว่าการเปิดกิจการหรือการเปิดร้านคาเฟ่ไม่ได้บ่งบอกว่ามันสำเร็จแล้วหรือยังถึงแม้จะเปิดมาเนิ่นนานและรุ่งเรือง สุดท้ายก็ถดถอยได้
หากวันใดวันนึงที่มันถูกทดถอยมาแล้วจริงๆเราจะมีวิธีรับมือมันอย่างไรแล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่ามันกำลังทดถอยอยู่หรือเปล่าเพราะฉะนั้นเราจะจำเป็นต้องรู้หรือเห็นสัญญาณภาวะเศรษฐกิจของประเทศโลกไม่ค่อยดีเราอาจจะใช้หลักการในการปรับตัว ให้เข้ากับเศรษฐกิจนั้นนั้นโดยกลยุทธ์การทดถอยมีอยู่3 ประการ ดังนี้
Turnaround Strategy (กลยุทธ์กลับตัวหรือปรับตัว)
เริ่มทำสัญญาณไม่ดีแล้วอาจจะต้องใช้กลยุทธ์การกับตัวหรือปรับตัวเพื่อให้เข้ากับเศรษฐกิจอย่างเช่นการลดปริมาณการขายลดปริมาณการสต๊อกสินค้าลดต้นทุนที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ลดการสต๊อกสินค้าก็เช่นพวก เมล็ดกาแฟหรือผงชาต่างๆไม่ว่าจะเป็นบรรจุภัณฑ์เป็นแก้วเป็นฝาเป็นหลอดทุกอย่างที่ลดได้ก็จำเป็นต้องลดบางอย่างที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น
อย่างเช่นเฟอร์นิเจอร์ภายในร้านการลดบางสิ่งบางอย่างลงจะช่วยยืดอายุกิจการได้อะไรให้ดีขึ้นหรือหา จังหวะปรับปรุงพัฒนาไปต่อแม้กระทั่งกาแฟหรือชาเริ่มเริ่มไม่นิยมก็เปลี่ยนไปทำสินค้าใหม่ที่มีอนาคตมากกว่าแบบนี้ก็ถือว่าเป็นการปรับตัวที่ไม่เลวสักเท่าไหร่
Divestment Strategy (กลยุทธ์ถอนทุน)
กลยุทธ์การถอนทุนเราก็ต้องเข้าใจว่า เศรษฐกิจมันหนักเกินกว่าจะสู้ให้ชนะหรือไม่ก็เราอาจจะรู้ตัวช้าไปหน่อยเราอ่ะก็อาจจะต้องถอยมาบ้างจะเคยยอดขาย 5000 แก้วต่อเดือนก็อาจจะลดลงมาเหลือซัก 3000 แก้วแต่ว่าการขาย 3000 แก้ว ก็ยังจำเป็นจะต้องมีกำไรให้เราอยู่ต่อได้หรือว่าไม่ขาดทุนก็เพียงพอแล้วเอาง่ายง่ายง่าย
ก็เรียกว่าต้องยอมรับว่าจากการเช่าที่พื้นที่ใหญ่ใหญ่ทำเลดีดีก็ยอมที่จะย้ายไปอยู่ห้องเล็กๆในซอยถ้าหากว่าฝีมือเราดีจริงหรือกาแฟโกโก้เราอร่อยจริงลูกค้าเก่าจะตามมาหาเราเสมอกิจการแม้จะไม่ดีเท่าเดิมก็ยังเป็นกิจการที่ยังทำกำไรได้บ้าง
Liquidation Strategy (กลยุทธ์ออกจากธุรกิจ, เลิกกิจการ)
กลยุทธ์สุดท้ายกลยุทธ์ออกจากธุรกิจเลิกกิจการสุดท้ายถ้าเราไม่ไหวจริงๆก็ต้องยอมที่จะออกจากธุรกิจซึ่งสามารถทำได้หลายแบบหลายระดับขึ้นอยู่กับว่าเราออกจากกิจการตอนที่มันแย่ ระดับไหน ซึ่งถ้าขายกิจการได้โดยการเซ้งร้านไปเลยคนซื้อก็จะได้ไปอยู่ส่วนเราก็จะได้ทุนคืนมากหน่อยหรืออาจจะเป็นการแยกขายก็จะได้ราคาดีเป็นบางอย่างแต่เสียเวลาดำเนินการประมาณนี้คือการออกจากธุรกิจส่วนนึง
เพราะนึกถึงว่าธุรกิจถดถอยหลายคนอาจจะมองว่า ต้องเริ่มกิจการอย่างเดียวแต่ที่จริงแล้วเราไม่ได้จะเลิกแต่ เราเพียงอยู่ในภาวะนั้นให้ดีที่สุดและกลับมาฟื้นตัวได้ ถึงแม้เราจะเลิกกิจการหรือออกจากกิจการเราจำเป็นต้องนึกถึงการ กลยุทธ์ ถอนทุนของเราให้ได้มากที่สุด เพื่อเริ่มต้นใหม่ต่อไป
จริงๆแล้วมีอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่สำคัญที่สุดคือความเข้าใจและยอมรับ ก็เข้าใจอยู่ว่าธุรกิจหรือกิจการที่สร้างกันมากับมือมีความผูกพันจากวันนึงเคยรุ่งเรืองแต่วันนี้มันถดถอย ก็ไม่อยากที่จะปล่อยมือจากธุรกิจนั้นซึ่งจะทำให้สถานการณ์จะแย่ไปมากกว่าเดิม
ซึ่งการเข้าใจและยอมรับเราต้องเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วค่อยยอมรับว่ามันไปต่อไม่ได้ถ้าไม่เข้าใจแล้วยอมรับอันนั้นอาจเป็นแค่ยอมแพ้ซึ่งไม่ควรยอมแพ้ง่ายง่ายนะครับ
ซึ่งธุรกิจที่เราสร้างมันมากับมือหากใครไม่ไม่เป็นเราก็ไม่สามารถเข้าใจได้อย่างง่ายง่ายและลึกซึ้งแต่คนที่มีหลายธุรกิจและก็มีประสบการณ์สูง เค้าเคยผ่านการเจ๊งหรือว่า ขาดทุนบ้างเค้าจะยอม รับได้ง่าย ซึ่งถ้าหากเป็นนักธุรกิจมือสมัครเล่นถือว่ามีแค่ธุรกิจเดียวจะให้ทำตามกลยุทธ์เข้าใจและยอมรับมันคงเป็นไปได้ยากเพราะจะมีเรื่องของจิตใจเข้ามาเกี่ยวข้องเราอาจจะเอาอารมณ์มันเหนือเหตุผลมากจนเกินไป
การเข้าใจและยอมรับมันอาจไม่ใช่กลยุทธ์ที่จริงจังมากเท่าไหร่แต่เธอเป็นหัวใจสำคัญยิ่งกว่าข้ออื่นเลยในเวลาที่ธุรกิจกำลังแย่แต่ก็ต้องเข้าใจว่าล้มเหลวสามารถลุกใหม่ได้ไปต่อไม่ได้ก็ต้องหาหนทางใหม่เพราะหากว่ามีสติเรายังมีสมองมีความคิดเลือกกลยุทธ์ที่ดีที่สุดเราจะสร้างสิ่งใหม่ใหม่ได้เสมอเสมอ ถ้าหากว่าเราไม่คิดเช่นนั้นก็ไม่ต่างกับความเสียใจแล้วก็ไม่อยากทำอะไรอีกเลยก็จะทำให้เราจมกับความทุกข์ต่อไปเรื่อยเรื่อย
สุดท้ายนี่ก็ฝากไว้เป็นข้อคิดเล็กๆน้อยๆ ยอมถอยสัก 1 – 2 ก้าวอาจจะไม่ทำให้เราล้มได้เพราะยังไม่การตั้งการ์ดรอรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่ถ้าหากเรายอมฝืนจะยืนอยู่ที่เดิมหรือเดินหน้า หากเราล้มขึ้นมาอาจจะไม่มีแรงหรือกระจิตกระใจในการลุกขึ้นยืนอีกก็ได้