กาแฟสดคั่วบด กับ กาแฟสำเร็จรูป ต่างกันอย่างไร ?
กาแฟสดคั่วบด กาแฟสด กับกาแฟสำเร็จรูป เหมือนหรือต่างกันยังไง เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงสงสัย ขึ้นชื่อว่าเป็นกาแฟแต่ทำไมยังมีความแตกต่าง สำหรับใครที่กำลังกังวล หรือข้องใจกับปัญหานี้ บอกเลยว่าเดี๋ยววันนี้ทางเราจะมาไขข้อข้องใจกันรับรองว่าหายสงสัยกันแน่นอนคะ
กาแฟสดคั่วบด คือ กาแฟที่ให้ความธรรมชาติมากที่สุด โดยเมื่อได้เมล็ดกาแฟมาแล้วจะนำไปคั่ว ซึ่งจะมีระดับการคั่วกาแฟถึง 3 ระดับ คือคั่วอ่อน คั่วกลาง คั่วเข้ม จากนั้นจะนำไปผ่านการบด กระบวนการเหล่านี้แหละที่ทำให้ได้กาแฟสดที่หอม ให้รสชาติเข้มข้น ซึ่งนับว่าเป็นกาแฟที่ร้านกาแฟนิยมเลือกใช้ชงเครื่องดื่มให้ลูกค้ากันมากที่สุด
กาแฟสำเร็จรูป คือ ผงกาแฟที่เกิดจากการแปรรูปของกาแฟสด โดยสามารถนำมาละลายน้ำชงดื่มได้ทันที แต่จะนำเมล็ดกาแฟคั่วมาบดให้ละเอียด แล้วเติมน้ำตาลทราย ครีมเทียมลงไปผสมด้วยกัน จนได้มาเป็นผงกาแฟสำเร็จรูป ผงกาแฟ 3in1 นั่นเอง ร้านกาแฟส่วนใหญ่ไม่นิยมใช้ แต่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการดื่มกาแฟแบบสะดวกรวดเร็ว แค่ฉีกซองละลายน้ำก็ดื่มได้เลย
ความแตกต่างของกาแฟสดและกาแฟสำเร็จรูป
1. ขั้นตอนการผลิต
สิ่งแรกที่กาแฟสดและกาแฟสำเร็จรูปแตกต่างก็คือ ขั้นตอนการผลิต แม้ว่าจะผลิตมาจากเมล็ดกาแฟเหมือนกัน โดยกาแฟสดนั้นจะจะเริ่มตั้งแต่การคัดเลือกเมล็ดกาแฟ แล้วนำมาคั่วให้มีกลิ่นหอม สำหรับขั้นตอนการคั่วนี้ก็จะสามารถเลือกการคั่วได้ทั้งแบบดั้งเดิมด้วยการใช้เตาถ่าน หรือบางที่อาจจะคั่วด้วยการใช้เครื่องจักร ที่สามารถปรับระดับอุณหภูมิและเวลาได้นั่นเอง
จากนั้นเมื่อได้เมล็ดกาแฟที่คั่วแล้วก็ถือว่าเป็นที่เรียบร้อย หากใครจะนำกาแฟสดมาชงก็เพียงแค่นำมาบดก่อนการชงเพียงเท่านี้ก็ชงเมนูกาแฟสุดอร่อยได้แล้ว ซึ่งไม่แนะนำให้บดทิ้งไว้เพราะจะทำให้กลิ่นหอมของกาแฟระเหย ส่วนกาแฟสำเร็จรูป เกิดจากการแปรรูปเมล็ดกาแฟที่มักจะนิยมทำการผลิตอยู่ 2 ประเภท คือ
การใช้เครื่องทำแห้งแบบพ่นฝอย (Spraydried) เป็นการนำเมล็ดกาแฟไปต้มแล้วพ่นน้ำกาแฟเป็นฝอยละเอียดผ่านไปในอากาศที่มีอุณหภูมิสูง ซึ่งน้ำจะถูกระเหยออกไปเหลือแต่ผงกาแฟละเอียด ผงกาแฟที่ได้จากวิธีนี้จะได้ผงสีน้ำตาลเข้ม แต่จะทำให้คุณภาพของรสชาติและกลิ่นจางหายไป
การใช้เครื่องทำแห้งแบบระเหิด (Freezdried) เป็นการนำน้ำกาแฟที่เข้มข้นไปแช่เย็นในจุดเยือกแข็งโดยทำให้น้ำกาแฟกลายเป็นของแข็งแล้วค่อย ๆ ระเหิดไปอย่างรวดเร็ว จนได้ผงกาแฟในรูปเกล็ดแข็ง สามารถที่จะคงกลิ่นหอมและรสชาติได้ดี
2. รสชาติและกลิ่นหอม
แน่นอนว่าเมื่อขั้นตอนการผลิตต่างกัน จึงทำให้รสชาติ กลิ่นหอมของเมล็ดกาแฟแตกต่างกันด้วย ซึ่งกาแฟสดจะคงความธรรมชาติที่สุด ทั้งกลิ่นหอมและรสชาติจึงเหมาะนำไปชงเมนูกาแฟในร้านกาแฟให้กับลูกค้า แถมยังมีหลายระดับการคั่วให้ลูกค้าได้เลือกใช้ ส่วนกาแฟสำเร็จรูปจะมีกลิ่นหอมที่น้อยกว่า เพราะส่วนใหญ่จะเป็นแบบ 3in1 พร้อมชง ดังนั้นจึงจะผสมครีมเทียมและน้ำตาลมาด้วยแล้วนั่นเอง แต่พกพาไปดื่มได้ทุกที สะดวกสบายสุด ๆ
3. วิธีการชงดื่ม
กาแฟสดแม้จะคั่วบดและนำมาสกัดเป็นน้ำกาแฟแล้วนั้น บอกเลยว่าสามารถดื่มเป็นกาแฟดำแบบนั้นได้เลย หรือจะนำไปชงผสมกับวัตถุดิบอื่น ๆ อย่างนมสด นมข้นหวาน น้ำตาลทราย เป็นต้น รวมไปถึงยังรังสรรค์ได้หลากหลายเมนู ทั้ง กาแฟนมชมพู กาแฟมัทฉะ มอคค่า จะชงกับเมนูชาอื่น ๆ ก็อร่อยลงตัว
ช่วยเพิ่มเมนูในร้านได้เยอะแถมลูกค้าชอบมากทั้งหอมเข้มข้น และความพิเศษของกาแฟสดคือ วิธีการชงนั้นชงได้หลายแบบทั้งเครื่องชง หม้อต้มโมก้าพอต ถุงกรอง นั่นเอง ส่วนกาแฟสำเร็จรูปนั้นวิธีการชงดื่มก็ง่ายมาก เพียงแค่ฉีกซอง หรือตักผงกาแฟใส่แก้วเพิ่มความหวานเติมน้ำร้อน คนให้ละลายก็สามารถยกแก้วดื่มได้แล้ว
สรุปง่าย ๆ ก็คือกาแฟสด และกาแฟสำเร็จรูปนั้นแตกต่างกันตั้งแต่กระบวนการผลิต ใช้ระยะเวลาที่ต่างกัน ความละเอียดของผงกาแฟก็ต่างกัน ตลอดจนไปถึงขั้นตอนวิธีการชงดื่ม เพราะกาแฟสดจะต้องนำไปสกัดให้ได้น้ำกาแฟออกมา ซึ่งสามารถดื่มเป็นกาแฟดำ หรือจะนำมาผสมกับนมข้นหวาน นมสด ชงเป็นเมนูเครื่องดื่มกาแฟสุดอร่อยก็ได้เช่นกัน แต่สำหรับกาแฟปรุงสำเร็จรูป นั้นสามารถฉีกซองแล้วชงกับน้ำได้เลย