แก้วใส่เครื่องดื่มแบบไหน? เหมาะสมกับร้านกาแฟของคุณมากที่สุด

แก้วใส่เครื่องดื่มถ้าเลือกให้ถูก เหมาะสมกับร้านกาแฟของคุณ สามารถสร้างมูลค่าสินค้าให้มีราคาที่สูงขึ้นได้ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักแก้วพลาสติกที่มีขายในท้องตลาดกันว่ามีทั้งหมดกี่แบบ แล้วแต่ละแบบทำมาจากวัสดุแบบใด และแบบไหนถึงจะเหมาะกับร้านกาแฟของเรา ถือว่าเป็นสิ่งที่พลาดไม่ได้เลยสำหรับคนที่กำลังจะเป็นร้านกาแฟแบบคุณ

การเลือกแก้วพลาสติกเครื่องดื่มสำหรับร้านค้าควรคำนึงถึง  วัตถุดิบพลาสติก Food Grade ควรตรวจสอบบนบรรจุภัณฑ์ว่าแก้วพลาสติกเป็น Food Grade หรือไม่ ถูกออกแบบมาสำหรับการใช้งานกับอาหารและเครื่องดื่มหรือไม่ คุณควรดูว่าแก้วพลาสติกทำจากวัตถุดิบพลาสติกอะไร หากมีการใช้งานสำหรับเครื่องดื่มร้อน ควรเลือกแก้วที่มีความทนทานต่อความร้อนสูง ที่เหมาะกับการใช้งานหรือไม่

แก้วกาแฟ

ควรพิจารณาปริมาณความจุของแก้วเพื่อให้เหมาะกับปริมาณเครื่องดื่มที่ต้องการบริการแก่ลูกค้า แก้วพลาสติกมีขนาดต่าง ๆ ให้เลือก แก้วพลาสติกมีรูปทรงและสไตล์ต่าง ๆ ให้เลือก ทึบ ซึ่งนับว่าเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่เราสามารถเลือกบรรจุภัณฑ์ในการสร้างความแตกต่างให้กับสินค้า นอกจากนี้ แก้วพลาสติกยังสามารถสกรีนโลโก้ เพื่อสร้างการจดจำแบรนด์ร้านค้าได้ตามที่ต้องการ

วันนี้ทางเรารวบรวมแก้วที่มีขายในท้องตลาดมาให้ทั้งหมด 6 ชนิด เเล้วแก้วเเต่ละชนิดมีข้อดีอย่างไรบ้าง

1. แก้วพลาสติก PET (Polyethylene terephthalate)

แก้ว PET CUP

เป็นสารประกอบที่เกิดจากการสังเคราะห์โดยปฏิกิริยาเคมีระหว่าง เอทิลีนไกคอล ซึ่งผลิตจากการกลั่นน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ และกรดเทเรฟทาลิกบริสุทธิ์ (PTA) ซึ่งผลิตจากน้ำมันดิบPET

ซึ่งจะมีลักษณะตัวแก้วที่ใส ตัวเนื้อแก้วมีความแข็งและหนา มีความเหนียวและยืดหยุ่น  จับแล้วไม่ยุบง่ายไม่แตกง่าย รูปทรงแก้วมีหลากหลายแบบ ทรงสวย เก็บรักษาความเย็นได้ดี น้ำแข็งละลายช้ากว่าแก้วพลาสติกเนื้อPP สูง จะขนาดตั้งแต่ 12 ออนซ์ ถึง22 ออนซ์ ราคาแก้วเปล่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ 2 – 3.2 บาทต่อ 1 ใบ  นิยมใช้กับร้านคาเฟ่หรือร้านกาแฟทั่วไป

2. แก้วพลาสติก PP หรือ Polypropylene

แก้ว PP อ่อน

ขึ้นรูปโดยการหลอมเม็ดพลาสติก PP Food Grade มีความหนาแน่นค่อนข้างต่ำ ความหนาแน่น 0.90-0.91 มีจุดหลอมเหลว 160-170 องศาเซลเซียส

ซึ่งจะมีลักษณะตัวแก้ว จะมีลักษณะนิ่ม มีความบาง แต่ก็มีเนื้อแก้วที่เหนียว ไม่แตกหักง่าย แต่จะมีความขุ่นไม่ใส่เหมือนแก้วพลาสติกPET ตัวแก้วจะทนความร้อนได้มากกว่า และที่สำคัญจะมีราคาที่ถูกกว่า ทนทานต่อการขีดข่วน ไม่เสียรูปง่าย เหมาะสำหรับใส่เครื่องดื่ม ประเภทนม ชานมไข่มุก จะขนาดตั้งแต่ 16 ออนซ์ ถึง32 ออนซ์ ราคาแก้วเปล่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ 0.7-2 บาทต่อ 1 ใบ  นิยมใช้กับร้านกาแฟโบราณ ร้านชานมไข่มุก

3. แก้วพลาสติก Rigid PP หรือ Rigid Polypropylene (แก้วPPแข็ง)

แก้ว PP แข็ง

ทำมาจากพลาสติก PP ซึ่งมีความหนา และแข็งแรง มีเนื้อสีขุ่น ขาว ทั้งยังมี ทนทานต่อการขีดข่วนกว่าแก้ว PP และสามารถที่จะทนต่อความร้อนและกักเก็บความเย็นของเครื่องดื่มไว้ได้นานกว่าแก้วPPปกติ สามารถนำไปรีไซเคิลได้อีกด้วย

จะมีรูปทรงเรียบ ๆ ตัวแก้วจับถนัดมือ เหมาะกับเครื่องดื่มร้อนและเย็น แต่แก้วประเภทนี้จะมีราคาค่อนข้างสูง จะขนาดตั้งแต่ 16 ออนซ์ ถึง22 ออนซ์  ราคาแก้วเปล่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ 3-4 บาทต่อ 1 ใบ นิยมใช้กับร้านสะดวกซื้อ หรือคาเฟ่ทั่วไป

4. แก้วพลาสติก PLA หรือ Polylactic Acid (Bio Cup)

แก้วรักษ์โลก

เป็นพลาสติกชีวภาพสามารถย่อยสลายได้เป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์และน้ำ ได้ด้วยจุลินทรีย์ในธรรมชาติหลังจากการใช้งาน ผลิตมาจากวัตถุดิบที่ได้ในธรรมชาติ เช่น ข้าวโพด มันสำปะหลัง อ้อย มีความปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมแถมยังไม่พบองค์ประกอบของสารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง จึงทำให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก

ซึ่งจะมีลักษณะตัวแก้วมีความใส น้ำหนักเบา ยืดหยุ่นได้ ทนต่อความร้อนได้น้อย เหมาะสำหรับเครื่องดื่มเย็น จะขนาดตั้งแต่ 16 ออนซ์ ถึง22 ออนซ์ ราคาแก้วเปล่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ 2-4 บาทต่อ 1 ใบ นิยมใช้กับร้านกาแฟที่รักโลกหรืออยู่ตามหมู่เกาะ

5. แก้วกาแฟร้อน หรือ แก้ว Double Wall

double wall cup

ทำจากเยื่อกระดาษไม้เนื้ออ่อนเคลือบ foodgrade(การเคลือบพลาสติกประเภท PE : Polyethylene (พอลิเอทิลีน)) ป้องกันไม่ให้น้ำซึมออกได้ง่าย ปลอดภัยต่อการใช้งาน เป็นแก้วกระดาษมีความปลอดภัยสูง ทนความร้อนและทนความชื้นได้ดี ใช้ได้กับเครื่องดื่มร้อน

เก็บความร้อนของเครื่องดื่มได้นาน กระดาษหนาคุณภาพดี จับได้ไม่ร้อนมือ กันความร้อน 2 ชั้น จะขนาดตั้งแต่ 8 ออนซ์ ถึง22 ออนซ์ ราคาแก้วเปล่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ 0.8-1.8 บาทต่อ 1 ใบ นิยมใช้ตามร้านคาเฟ่ หรือร้านกาแฟที่ให้บริการเครื่องดื่มร้อน

6. แก้วพลาสติก GPPS หรือ General Purpose Polystyrene

แก้ว GPPS

เป็นพลาสติกที่มีความใส แต่เปราะและแตกง่าย ซึ่งจะมีลักษณะน้ำหนักเบา เปราะและแตกง่าย เป็นเเก้วเนื้อเเข็ง ตัวแก้วมีความใสมากที่สุด แต่ไม่ทนต่อเเรงบีบ สามารถนำไปรีไซเคิลได้ ย่อยสลายได้ถึง 100% ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เหมาะกับเครื่องดื่มประเภทเย็น อุณหภูมิการในการใช้ที่ 1-80 องศาเซลเซียส จะขนาดตั้งแต่ 6 ออนซ์ ถึง22 ออนซ์  ราคาแก้วเปล่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ 2 – 3.5  บาทต่อ 1 ใบ

นอกจากแก้วเหล่านี้จะช่วยให้คุณได้บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมเเล้ว  แก้วเหล่านี้ ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ ของร้านตามที่คุณต้องการได้อีกด้วย การสร้างมูลค่าของสินค้านั้นขึ้นอยู่กับการสร้างตัวตนเอกลักษณ์ ที่เป็นสิ่งน่าจดจำให้ลูกค้าเห็นแล้วนึกถึงร้านกาแฟของเราได้อีกด้วย การสรีนโลโก้ก็ช่วยสร้างการจดจำได้อย่างมากเช่นกัน

Shopping Cart